เมนู

อรรถกถาลสุณวรรค สิกขาบทที่ 9


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 9 พึงทราบดังนี้:-
หลายบทว่า ยํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ โรปิตํ มีความว่า
ไร่นาหรือสวนผลไม้มีมะพร้าวเป็นต้น ก็ตามที เมื่อเทวัตถุเหล่านั้นทิ้งในที่ซึ่ง
เขาปลูกของเขียวสดไว้แห่งใดแห่งหนึ่ง พึงทราบความต่างแห่งอาบัติโดยนัย
ก่อนนั่นแล.
ภิกษุณีนั่งฉันอยู่ที่ไร่นาหรือสวน เคี้ยวอ้อยเป็นต้น เมื่อจะไปเทน้ำ
เป็นเดนและกระดูกเป็นต้นลงในของเขียวสด ชั้นที่สุด ทิ้งแม้มะพร้าวที่เฉาะ
หัวดื่มน้ำแล้ว ก็เป็นปาจิตตีย์เหมือนกัน, เป็นทุกกฏแก่ภิกษุ. แต่ในพืชที่เขา
หว่านไว้ในนาที่ไถแล้ว เป็นทุกกฏแก่ภิกษุและภิกษุณีทั้งหมด ตลอดเวลาที่
หน่อยังไม่งอก. จะเทลงในมุมนาเป็นต้น ที่เขายังไม่ได้หว่านพืชก็ดี ในคันนา
เป็นต้นที่ปลูกพืชไม่ขึ้นก็ดี ควรอยู่. จะเทลงแม้ในที่ทิ้งขยะมูลฝอยของพวกชาว
บ้าน ก็ควร.
บทว่า ฉฑฺฑิตกฺเขตฺเต มีความว่า เมื่อพวกชาวบ้านถอนข้าวกล้า
ไปแล้ว ชื่อว่าเป็นนาร้าง. จะเทลงในนาร้างนั้นนั่นแล ควรอยู่. แต่ในไร่นา
ที่พวกชาวบ้านยังเฝ้ารักษาอยู่ ด้วยเข้าใจว่า บุพพัณชาติเป็นต้นที่เกี่ยวแล้ว
จักงอกขึ้นอีก เป็นอาบัติตามวัตถุเหมือนกัน. บทที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 6 เป็นทั้งกิริยาและอกิริยา ฯ ลฯ มีเวทนา
3 ฉะนี้แล.
อรรถกถาลสุณวรรค สิกขาบทที่ 9 จบ

ลสุณวรรค สิกขาบทที่ 10


เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์


[182] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน
วิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์
ครั้งนั้นในพระนครราชคฤห์มีมหรสพบนยอดภูเขา เหล่าภิกษุณีฉัพพัคคีย์ได้
พากันไปดูมหรสพบนยอดภูเขา พวกชาวบ้านพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพน-
ทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้พากันไปดูการฟ้อนรำบ้าง การขับร้องบ้าง
การประโคมดนตรีบ้าง เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินชาวบ้านพวกนั้น พากันเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้พากันไปดูการฟ้อนรำบ้าง การขับร้องบ้าง การ
ประโคมดนตรีบ้างเล่า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าภิกษุณีฉัพพัคคีย์พากันไปดูการฟ้อนรำบ้าง การขับร้องบ้าง การประโคม
ดนตรีบ้าง จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณี
ฉัพพัคคีย์จึงได้พากันไปดูการฟ้อนรำบ้าง การขับร้องบ้าง การประโคมดนตรี